ไล่ออกลูกจ้างหัวแข็ง ฐานพากันไม่ทำOT.19 .. 57 http://voicelabour.org นายจ้างเด็ดสองหัวโจก อ้างยุยงให้เพื่อนออกOT.เพื่อกดดันบริษัทหลังเจรจาโบนัสไม่คืบ วันที่14 มีนาคม 2557เวลาประมาณ13.30น. นายลิขิตท์ สุริยะวงศ์ ได้เดินทางมาที่สำนักงานกลุ่มอมตะ-เวลโกร์วสัมพันธ์เพื่อขอคำปรึกษาในกรณีที่ตนและเพื่อนคือนายเอกพงศ์ถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชยใด โดยทางฝ่ายบุคคลเรียกเข้าไปพบก่อนเข้าทำงานพร้อมกับยื่นหนังสือเลิกจ้างให้ โดยอ้างว่าตนกับนายเอกพงศ์เป็นแกนนำชักชวนพนักงานคนอื่นประท้วงไม่ทำล่วงเวลา(OT.) นายลิขิตท์ เล่าว่า เมื่อวันที่7มีนาคม2556เวลาประมาณ19.20น.ตนและพวกรวม17คนได้ขอเข้าพบผู้จัดการฝ่ายบุคคลเพื่อเจรจาเรื่องโบนัสที่แต่เดิมได้คนละ 1เดือนบวกเงินพิเศษคนละ10,000บาทจะจ่ายในทุกวันที่25มีนาคม แต่ในปีนี้ทางบริษัทฯประกาศไม่จ่ายเงินบวกพิเศษให้จึงได้มาขอพบเพื่อพูดคุยกันจนเวลาประมาณ19.30น.ทางฝ่ายบุคคลจึงเรียกเข้าพบทั้งหมดแต่ผลการเจรจากลับไม่มีอะไรคืบหน้าตนและพวกจึงกลับไปทำงานตามปกติและเลิกงาน เวลา04.30 น.เนื่องจากเมื่อวันที่6มีนาคมตนและพวกไม่มีใครลงชื่อทำโอ.ที.ไว้เพราะหากใครจะทำโอ.ทีในวันถัดไปต้องลงชื่อยินยอมในวันนี้ นายลิขิตเล่าต่อว่าการที่นายจ้างตั้งข้อหาว่าตนกับนายเอกพงศ์เจตนาทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหายด้วยการยุยงให้เพื่อนร่วมงานไม่ทำโอ.ที.ไม่เป็นธรรมสำหรับตนและนายเอกพงศ์เพราะทุกคนพร้อมใจกันไม่มีใครนำใครดังนั้นตนและนายเอกพงศ์จึงไปร้องกับเจ้าหน้าที่แรงงานที่ศรีราชาโดยคุณอัญชาเป็นคนรับเรื่องไว้และบอกว่าจะทำหนังสือเรียกนายจ้างมาพูดคุยภายใน2อาทิตย์แต่ก็มีคนบอกให้มาที่นี่จึงมาปรึกษาดูอีกที ด้านนายมงคล ยางงามเจ้าหน้าที่จัดตั้งสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ให้คำปรึกษาได้ให้ความเห็นว่า พฤติกรรมของนายจ้างรายนี้เพียงต้องการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นการปรามลูกจ้างแต่ฟังจากข้อเท็จจริงแล้วการที่ลูกจ้างไม่ประสงค์ทำงานล่วงเวลาเป็นสิทธิโดยชอบส่วนการที่นายจ้างอ้างความเสียหายก็อ้างเพื่อให้เข้าข้อกฎหมายที่จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าเท่านั้นเอง ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะฟ้องเลิกจ้างไม่เป็นธรรมมากกว่าเรียกในส่วนค่าเสียหายเพิ่มเติมด้วยส่วนลูกจ้างจะประสงค์กลับเข้าทำงานหรือไม่ก็ว่าไปแต่การร้องคร.7นั้นไม่สามารถร้องขอกลับเข้าทำงานได้ไม่มีเรื่องค่าเสียหายแต่มีข้อดีตรงที่อาจช้เวลาน้อยกว่าในชั้นศาลแต่ก็ได้แจ้งสิทธิและกระบวนการให้ลูกจ้างทราบแล้วต้องแล้วแต่ความประสงค์ของลูกจ้างเอง นักสื่อสารแรงงานภาคตะวันออก รายงาน |
