Thai / English

ขบวนแรงงานตื่นตัวร่วมเดินเท้าต้านรัฐสร้างเขื่อนแม่วงก์



26 .. 56
http:/

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เวียนหนังสือเชิญพี่น้องแรงงานร่วมเดินเท้าต้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ร่วมกับอีกหลายกลุ่มหวังเป็นกำลังใจ และแนวร่วม ตอกย้ำว่าแรงงานเป็นอีกกลุ่มที่ไม่เอาเขื่อน

มื่อวันที่ 20 กันยายน2556 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กลุ่มผู้ใช้แรงงานอยุธยาและใกล้เคียง สมาพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิคส์ ยานยนต์ และโลหะแห่งแระเทศไทย ได้เข้าร่วมเดินเท้ารณรงค์เพื่อหยุดโครงการเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งข่าวการเดินเท้าจากป่าสู่กรุงเทพมหานครนั้นกลุ่มผู้ใช้แรงงานก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการเฝ้าติดตามเพื่อเข้าร่วมสนับสนุนแนวคิดให้หยุดการสร้างเขื่อน เช่นเดียวกับกลุ่มคนอีกหลากหลายกลุ่มซึ่งในวันดังกล่าวได้มีผู้เข้าร่วมเดินเท้าจำนวนมากจากหลากหลายอาชีพทั้งกลุ่มผู้ใช้แรงาน นักเรียนนักศึกษา เกษตรกรบนดอยสูง

นายอุดม ไกรยราช ประธานกลุ่มผู้ใช้แรงงานอยุธยาและใกล้เคียง กล่าวว่า ได้มีการนัดหมายให้พี่น้องแรงงานในกลุ่มออกมาร่วมเดินเท้าด้วยกับทางอาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ วันนี้พวกเราลางานกันมาเพื่อเข้าร่วมเดินด้วย เพราะพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ถือว่าแหล่งอุตสาหกรรมหนาแน่น เพื่อส่งให้กลุ่มเดินเท้าต่อถึงกรุงเทพมหานคร ด้วยไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในการสร้างเขื่อน

นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)กล่าวว่า ประเด็นเขื่อนแม่วงค์เป็นประเด็นร่วมของสังคมขบวนการแรงงานมองว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นเราต้องเข้าไปช่วยเหลือและพร้อมให้การสนับสนุนการต่อสู้เพื่อไม่ให้รัฐบาลเข้าไปสร้างเขื่อน เพราะเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ป่า และสัตว์ป่าเราผู้ใช้แรงงานสนับสนุนและร่วมต่อสู้เต็มที่ อยากให้รัฐบาลหยุดแนวคิดที่จะทำลายสิ่งแวดล้อม หยุดการสร้างเขื่อนเพราะได้ไม่คุ้มเสีย ควรมีแนวคิดอนุรักษ์ผืนป่า เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และคงความเป็นธรรมชาติให้ชีวิตสัตว์ป่าได้อยู่อาศัยไม่ควรไปทำลายบ้านคน หรือบ้านสัตว์ป่า เรื่องเขื่อนแม่วงก์เป็นเรื่องของคนทุกกลุ่มไม่ใช่แค่คน จังหวัดกำแพงเพ็ชร และนครสวรรค์เท่านั้น

อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร กล่าวว่า การที่เดินมาได้ 300 กิโลเมตรก็ไม่ทันเบื่อ เพราะมีคนเข้ามาร่วมเดินด้วยตลอด คนที่มาร่วมให้กำลังใจใกล้ใครก็เข้ามาร่วมเดินเราต้องการการแสดงออกอาจไม่ใช่แม่วงก์เรื่องเดียว การที่ออกมาเป็นเพราะมีข้อมูลที่เรายังไม่รู้ และมีคนบิดเบือนคนที่มาร่วมกับเราอาจไม่ใช่คนแม่วงก์ หรือเป็นคนแม่วงก์ที่เขาต้องการคนกล้าที่ออกมาแสดงออก

เมื่อรัฐบาลเสนอโครงการการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อป้องกันอุทกภัย โดยการเร่งรัดเปิดประมูลให้เอกชนมาจัดการ และมีการบรรจุโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์เป็นหนึ่งในโครงการจัดการน้ำที่มีงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ข่าวการเดินเท้าของตน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ภายในเส้นทาง 388 กิโลเมตรจากป่านครสวรรค์ถึงกรุงเทพมหานครเป็นที่สนใจของผู้คนมีเพื่อนพ้องเข้ามาร่วมเดิน ทั้งแรงงาน และนิสิตนักศึกษา ประชาชนที่ออกมาร่วมเดินก็ทำให้หายเหนื่อยเมื่อมีคนเข้าร่วมด้วยความเข้าใจเพราะเราไม่ได้โง่

นางสาวอัยยลักษณ์ เหล็กสุข กลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออก กล่าวว่า พี่น้องพ่อแม่เป็นชาวนาก็ต้องการมาต่อต้านการสร้างเขื่อนด้วย

นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัทรพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การที่ได้เดินร่วมในระยะสั้นๆความแนวแน่ของทุกคน ความแนวแน่ที่ยืนหยัดเพื่อเพื่อมนุษย์ขอเป็นกำลังใจให้กับการต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของเรา

นายสมภาร เซงเขื่อ กลุ่มคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่แจ่ม มาร่วมเดินเท้าเพื่อการเรียนรู้และเป็นปัญหาร่วมเพราะแม่แจ่มก็จะกระทบจากการสร้างเขื่อนเช่นกัน ซึ่งจะมีชุมชนได้รับผลกระทบทั้งบ้าน และอาชีพเกษตรกรรม การสร้างเขื่อนของรัฐจะสร้างผลกระทบกับวิถีชีวิตทั้งคน และสัตว์ จึงไม่เห็นด้วย การเดินเท้าด้วยการใช้แนวสันติวิธีครั้งนี้เพื่อต้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ นั้นได้อยู่ในสายตาที่เป็นหว่งของผู้คนข้างทาง การถามไถ่ บริจาคข้าวของป้านสนับสนุนตลอดทาง และเพิ่มจำนวนของผู้คนหล่ากหลายอาชีพ ผู้ใช้แรงงาน ทั้งนักเรียน นักศึกษา เกษตรกร ที่เข้าร่วมทางมากขึ้นเรื่อย อาจเป็นการส่งเสียงให้รัฐบาลได้รู้บ้างว่าเราไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน อยากให้รัฐบาลฟังพวกเรา และทบทวนโครงการการสร้างเขื่อนด้วย เพราะกระทบกับหลายชุม ที่จะจมน้ำก็ 4 หมู่บ้าน กับ 7 หย่อม และยังกระทบกับอาชีพอีกหลยหมู่บ้าน

โดยองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แถลงการณ์คัดค้านการอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ กรณีโครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์

1. รายงานฉบับนี้ไม่ได้ให้ความจริงใจในการศึกษาทางเลือกในการพัฒนาแหล่งน้ำโดยวิธีอื่นๆ โดยใช้วิธีคำนวณเทคนิคทางเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมให้ไม่คุ้มค่าในการเลือกทางเลือกอื่นๆ หรือ เทคนิคกำหนดตัวแปรที่เบี่ยงเบนน้ำหนักของการเลือกที่ตั้ง ให้มาก่อสร้างในป่าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์

2. รายงานฉบับนี้ละเลยข้อมูลความสำคัญของพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ที่ต่อเนื่องกับพื้นที่มรดกโลกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่เป็นป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ไม่มีการรบกวนระบบนิเวศสัตว์ป่าโดยที่ตั้งของชุมชน ดังมีรายงานข้อมูลสำรวจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของการกระจายตัวของเสือโคร่ง ทั้งจากรายงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า(WCS) ประเทศไทยและกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล(WWF)ประเทศไทย

3. รายงานฉบับนี้ได้ระบุข้อมูลผลประโยชน์จากการสร้างเขื่อนว่า ในพื้นที่ชลประทานทั้งหมด 291,900 ไร่ จะเป็นพื้นที่ชลประทานในฤดูฝนถึง 175,355 ไร่ จึงได้พื้นที่ชลประทานฤดูแล้งเพียง 116,545 ไร่ ดังนั้นพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จึงน้อยกว่าสิ่งที่ชาวบ้านเข้าใจว่าน้ำจะไปทั่งถึงทั้ง 23 ตำบลที่ได้ระบุในรายงาน หากพิจารณาเหตุผลที่ต้องสูญเสียพื้นที่ป่า และงบประมาณในการก่อสร้าง

4. รายงานฉบับนี้ระบุชัดเจนว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำที่ท่วมในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมได้ทั้งหมด และยังไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลน้ำที่ไหลบ่าจากพื้นที่เกษตรกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากป่าไม้ในพื้นที่นอกอุทยาน ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำมากถึง 70-80% ที่ไหลลงมายังที่ราบอำเภอลาดยาว ดังนั้นถึงสร้างเขื่อนแม่วงก์ก็สามารถบรรเทาอุทกภัยได้ไม่มากนักในพื้นที่โครงการ โดยไม่ต้องสงสัยว่าโครงการเขื่อนแม่วงก์จะมีผลต่อการบรรเทาน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตามงบประมาณสร้างเขื่อนตามโมดูล A1 ที่มากับโครงการเงินกู้จัดการน้ำ 3.5 แสนล้านของรัฐบาลได้เพียงไม่ถึง 1 % ของน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

5. ในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่มีมาตรการที่แน่ใจได้เลยว่าจะได้ผล ได้แก่ การปลูกป่าทดแทนที่ไม่มีการระบุพื้นที่ปลูกป่าว่าอยู่ในบริเวณใด มีแต่การคำนวณว่าจะได้ไม้และผลประโยชน์มากกว่าที่จะตัดไป ทั้งที่ความจริงแล้วพื้นที่นอกอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เกือบจะมีแต่พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านมิได้มีพื้นที่ใดสามารถปลูกป่าได้ถึง 36,000 ไร่ ตามที่ระบุได้ หรือมาตรการลดผลกระทบจากการล่าสัตว์ ตัดไม้เกินพื้นที่ ในระหว่างการก่อสร้างก็เป็นเพียงมาตรการทั่วๆไปให้เจ้าหน้าที่ดูแลเคร่งครัด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในขณะก่อสร้างจะไม่สามารถควบคุมการล่าสัตว์ที่จะไปถึงพื้นที่อื่นๆ รวมถึงห้วยขาแข้ง ได้

6. ในการพิจารณารายงานของคณะกรรมการผู้ชำนาญการในการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อปลายปี 2555 มีมติให้แก้ไขรายงาน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหลายประเด็น โดยเฉพาะการศึกษาเรื่องระบบนิเวศของสัตว์ป่า ซึ่งโดยหลักการแล้วต้องใช้เวลาในการศึกษาพอสมควร เป็นไปไม่ได้ที่จะศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ผลกระทบเพิ่มเติมแล้วเสร็จได้ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปี

7. พื้นที่ชลประทานเขื่อนแม่วงก์ เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับคลองผันน้ำในโมดูล A5 ซึ่งจะทำให้สภาพแวดล้อมและการจัดการน้ำที่ศึกษาไว้ทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปจากโครงการชลประทานเขื่อนแม่วงก์

8. ในการพิจารณารายงานฉบับนี้ รัฐบาลปรับเปลี่ยนบุคลากรของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการอย่างน่าสงสัย ตั้งแต่ต้นปี 2556 ได้แก่การโยกย้ายตำแหน่งของเลขาธิการอย่าง ดร.วิจารณ์ สิมะฉายา ซึ่งมีชื่อเสียงการยอมรับในการทำงานวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี มาเป็นนายสันติ บุญประคับ ซึ่งมีภูมิหลังทำงานด้านพัฒนาจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และปรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการผู้ชำนาญการรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้านพัฒนาแหล่งน้ำ จาก ดร.สันทัด สมชีวิตา ผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอกในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มาเป็นข้าราชการประจำอย่างตัวเลขาธิการ สผ.เอง คือ นายสันติ บุญประคับ ซึ่งอาจจะสงสัยได้ว่าต้องเร่งรัดทำงานตามนโยบายที่ได้รับมาจากโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านเนื่องจากในขณะนั้น รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านสิ่งแวดล้อมนี้คือ ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้รับผิดชอบโครงการจัดการน้ำเช่นกัน นอกจากนี้ยังทราบว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลในคณะกรรมการผู้ชำนาญการที่มีความเห็นทางวิชาการต่อความบกพร่องของรายงาน อาทิ ดร. อุทิศ กุฏอินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศป่าไม้ นายสมศักดิ์ โพธิ์สัตย์ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านธรณีวิทยา รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์ประกอบให้ไม่มีผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม และผู้แทนประจำของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ดังนั้นการเร่งรัดผ่านรายงานโครงการเขื่อนแม่วงก์ในครั้งนี้จึงมีความผิดปกติอย่างยิ่งต่อมาตรฐานทางวิชาการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจึงขอยื่นแถลงการณ์ฉบับนี้ต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้านพัฒนาแหล่งน้ำและเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันที่ 9 กันยายน 2556 ณ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

รายชื่อองค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

มูลนิธิโลกสีเขียว

สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า(WCS)ประเทศไทย

สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ

กลุ่ม กคอทส.

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมภาคเหนือตอนล่าง

มูลนิธิสถาบันปฏิปัน

เครือข่ายป่าชุมชน จังหวัดนครสวรรค์

เครือข่ายชุมชนคนรักษ์ป่าเขาแม่กระทู้

กลุ่มใบไม้

กลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม

ศูนย์ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย Thaiflood.com

กลุ่มเสรีนนทรี

กลุ่ม Big Tree

กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล(WWF)ประเทศไทย

สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย

มูลนิธิคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก

มูลนิธิกลุ่มศิลปินรักผืนป่าตะวันตก

กลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมพยุหะ

มูลนิธิเครือข่ายอนุรักษ์ป่าตะวันตก

มูลนิธิสืบศักดิ์สินแผ่นดินสี่แคว

เครือข่ายป่าชุมชนขอบป่าตะวันตก จ.กำแพงเพชร

มูลนิธิบัณฑิตอาสาสมัคร

มูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ

เครือข่ายเยาวชนต้นกล้าน้อย

กลุ่มรักษ์ป่า

กลุ่มแนวร่วมนิสิต นักศึกษา รักธรรมชาติ(นนรธ.)

นักสื่อสารแรงงาน รายงาน