ปู แถลงคู่ เต็ง เส่ง ดันท่าเรือน้ำลึก-เปิดด่านเพิ่ม เตรียมฉลองการทูตครบ 65 ปี24 .. 55 ผู้จัดการ ยิ่งลักษณ์ แถลงร่วม พล.อ.เต็ง เส่ง ย้ำไทยกับเมียนมาร์มีความสัมพันธ์ที่ดี เตรียมฉลองครบ 65 ปี ทางการทูตปีหน้า เล็งเสนอตั้งสมาคมมิตรภาพ ในการประชุมเจซีที่พม่าเป็นเจ้าภาพ พร้อมร่วมมือพัฒนาบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน ปฏิรูปเศรษฐกิจ และเตรียมความพร้อมพม่า เป็นประธานอาเซียนปี 57 ยันผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึก รวมไปถึงเปิดจุดผ่านด่านเพิ่ม เผยร่วมลงนามด้วยกัน 3 ฉบับ ทั้งบันทึกความเข้าใจเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ความร่วมมือพัฒนาพม่า และเรื่องพลังงาน พร้อมร่วมพัฒนาข้าว และดูแลแรงงานใต้กฎหมายไทย ด้าน เต็ง เส่ง ยันเร่งพัฒนาประเทศ ขอบคุณการต้อนรับและความร่วมมือ วันนี้ (23ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือข้อราชการกับ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ แบบเต็มคณะ เป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง จนกระทั้งเวลา 12.15 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพล.อ.เต็ง เส่ง ได้แถลงข่าวร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในนามรัฐบาลไทย และประชาชนชาวไทยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ พล.อ.เต็ง เส่ง และคณะ โอกาสมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และถือเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี สำหรับไทยกับเมียนมาร์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน และขอขอบคุณพล.อ.เต็งเส่งที่ร่วมกันผลักดันความร่วมมือต่างๆ ให้มีความคืบหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมถึงการจ้างแรงงานในเมียนมาร์ในไทย และการปราบปรามยาเสพติด โดยไทยกับเมียนมาร์จะฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 65 ปี ในปี 2556 ทั้งนี้ฝ่ายไทยพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับเมียนมาร์เพิ่มเติม ซึ่งตนได้ย้ำถึงความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วม หรือเจซี ซึ่งเมียนมาร์จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งต่อไป และยังเสนอให้มีการจัดตั้งสมาคมมิตรภาพเมียนมาร์-ไทย คู่ขนานกับสมาคมไทย-พม่า ซึ่งฝ่ายไทยได้จัดตั้งขึ้นแล้ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ตนยังได้แสดงความยินดีกับการพัฒนาการที่กำลังดำเนินอยู่ของพม่า ภายใต้การนำของพล.อ.เต็งเส่ง และยืนยันความพร้อมสนับสนุนเมียนมาร์อย่างเต็มที่ โดยไทยได้เสนอแผนงานความร่วมมือ เพื่อการพัฒนา ประกอบไปด้วย 4 สาขาหลัก สาขาที่ 1 เสริมสร้างขีดความสามารถบุคลากรของเมียนมาร์ สาขาที่ 2 การเตรียมความพร้อมในการเป็นประธานอาเซียนของเมียนมาร์ ปี 2557 สาขาที่ 3 การปฏิรูปเศรษฐกิจ และพัฒนาทางเลือก และสาขาที่ 4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ตนเองยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการร่วมกันผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันที่จะเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกทวายเข้ากับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังของไทย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ และภูมิภาค โดยฝ่ายเมียนมาร์จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย ส่วนไทยจะได้รับประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีสเทิร์นซีบอร์ดของไทย ซึ่ง พล.อ.เต็ง เส่งได้ไปเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อศึกษาระบบการดำเนินงานของฝ่ายไทยแล้ว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานโดยมีระดับรัฐมนตรี ซึ่งจะประชุมร่วมกันเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ เพื่อพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่คั่งค้าง และแนวทางการขยายพื้นที่เศรษฐกิจร่วมกัน รวมถึงการดูแลให้ความสำคัญกับชุมชนในพื้นที่บริเวณนั้นอย่างเหมาะสม ซึ่ง พล.อ.เต็ง เส่ง และตนเองเห็นพ้องต้องกันที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนเพิ่มมากขึ้น โดยตนเองได้เสนอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรระหว่างไทยกับเมียนมาร์เพิ่มเติม โดยด่านแรกที่กิ้วผาวอก จังหวัดเชียงใหม่ ด่านบ้านห้วยต้นนุ่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน และด่านบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกันนี้ไทยกำลังพิจารณาตามความเหมาะสมของการเปิดจุดผ่อนปรนที่ตะโกบน จังหวัดราชบุรีด้วย
นายกฯ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ไทยกับเมียนมาร์ได้ลงนามความสัมพันธ์ทั้งหมด 3 ฉบับ 1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาที่ครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการยืนยันพันธะของฝ่ายไทยที่จะร่วมมือกับเมียนมาร์ในการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก ทวายและนิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น 2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในเมียนมาร์ ซึ่งอยู่ใน 4สาขาหลักที่ได้กล่าวข้างต้น 3. ถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการจัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงาน ทั้งนี้ตนมีความเชื่อมั่นว่าความตกลงเหล่านี้จะช่วยทำให้การพัฒนาการทางด้าน ความร่วมมือระหว่างไทยกับเมียนมาร์ในด้านต่างๆ เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนทั้ง2ประเทศ
นายกฯ กล่าวยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงในการพัฒนาการผลิตข้าวของเมียนมาร์ และได้หารือถึงความร่วมมือทางด้านแรงงาน ซึ่งฝ่ายไทยได้รับที่จะดูแรงงานเมียนมาร์ด้วยความเป็นธรรม และมีสิทธิภายใต้กฎหมายไทย สุดท้ายนี้ตนขอขอบคุณท่านประธานาธิบดีเต็งเส็ง และคณะที่ให้เกียรติมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้และยินดีกับผลสำเร็จของการ เยือน โดยหวังว่าการเยือนครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับเมียนมาร์ให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์การพัฒนาของประเทศทั้งสอง ต่อไป
ด้า นพล.อ.เต็ง เส่ง กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมหารือด้วยมิตรภาพ ซึ่งถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังต้องขอขอบคุณประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนการปฏิรูปการเมืองการปกครองของเมียนมาร์ให้ก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเมียนมาร์ขอยืนยันว่าพร้อมและมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าในการพัฒนาการเมือง เศรษฐกิจต่อไป นอกจากนี้จะเร่งในการพัฒนาบุคคลากร เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการประสานการติดต่อระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือ เรื่องของท่าเรือน้ำลึกทวาย และโครงการของอีสเทิร์นซีบอร์ด |