คำถามถึง ''เพื่อไทย'' ขึ้นค่าแรง 300 แค่ประชานิยมหรือตั้งเป้ารัฐสวัสดิการ12 .. 55 ประชาไท วรวิทย์ เจริญเลิศ ปาฐกถาสุภา ศิริมานนท์ ถาม "พรรคเพื่อไทย" ก้าวต่อไปของนโยบายค่าจ้าง 300 บาทคืออะไร แค่ประชานิยมหรือไกลกว่านั้น เสนอรัฐสวัสดิการต้องคุ้มครองแรงงานด้านกฎหมายด้วย ชี้ประเทศตะวันตกพัฒนารัฐสวัสดิการผ่านการต่อสู้หลายมิติจนตกผลึก แต่ของไทย ยังสู้กันอยู่เรื่องสิทธิทางการเมือง-การแสดงความเห็น (11 ก.ค.55) วรวิทย์ เจริญเลิศ รองศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปาฐกถาสุภา ศิริมานนท์ ประจำปี 2555 ในหัวข้อ "สังคมไทยกับแนวคิดรัฐสวัสดิการ: การก้าวพ้นประชานิยม" จัดโดยศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โดยตอนหนึ่งกล่าวว่า นโยบายการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 40% มีนัยสำคัญเชิงนโยบายในการไปสู่นโยบายค่าจ้างสูง อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเพียงประชานิยมหรือพรรคเพื่อไทยต้องการมากกว่านี้ ทั้งนี้เขามองว่าประชานิยมนั้นใกล้กับคำว่า "สงเคราะห์" ซึ่งเป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่า การจะไปสู่รัฐสวัสดิการจะต้องขยับจากเรื่องของความมั่นคงทางสังคม (Social security) เช่น การประกันสังคม ไปสู่การปกป้องทางสังคม (Social protection) ซึ่งเป็นการคุ้มครองในมิติทางกฎหมายด้วย เพราะที่ผ่านมา ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ นายจ้างเอารูปแบบการจ้างงานยืดหยุ่นเข้ามาใช้ จ้างเหมาค่าแรง ใช้สัญญาจ้างชั่วคราว รัฐควรเข้ามาคุ้มครองตรงนี้ รวมถึงคุ้มครองให้คนทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย ก่อนจะพัฒนาไปสู่การไม่ใช้แรงงานราคาถูก พัฒนาทักษะแรงงาน ไม่พึ่งการส่งออก และพัฒนาตลาดในประเทศหรือภูมิภาค วรวิทย์ กล่าวถึงการได้มาซึ่งรัฐสวัสดิการในประเทศตะวันตกว่าเกิดจากการต่อสู้ของขบวนการภาคประชาชนนาน 200-300 ปี ตั้งแต่การสู้เพื่อเสรีภาพทางความคิด ก่อให้เกิดสิทธิพลเมือง เปลี่ยนจากรัฐรวมศูนย์ใต้ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นรัฐเสรีนิยม ใต้การปกครองแบบประชาธิปไตย นำมาสู่สิทธิทางการเมือง เมื่อทุนนิยมเข้ามา เกิดความขัดแย้งกับแรงงาน ก็มีการต่อสู้เพื่อสิทธิทางสังคม เป็นรัฐสวัสดิการในที่สุด และแม้ว่าในกระแสเสรีนิยมใหม่ จะมีความพยายามรื้อรัฐสวัสดิการ แต่ทำได้อย่างมากก็เพียงการจำกัดสิทธิ เพื่อตัดค่าใช้จ่าย หรือโยงการให้สวัสดิการเข้ากับการกลับเข้าทำงานเท่านั้น แต่ไม่เคยมีการยกเลิกรัฐสวัสดิการ ขณะที่ประเทศไทยนั้น นับแต่ทุนนิยมเข้ามา มีการต่อสู้กันเรื่องทางสังคม เช่น เรื่องสิทธิแรงงาน หรือเรื่องเขื่อน แต่สิทธิทางการเมืองและสิทธิในการแสดงความเห็นยังเป็นสิ่งที่ยังต่อสู้กันอยู่ ดังนั้น แนวทางของรัฐไทยข้างหน้าจะเปลี่ยนจากรัฐแบบอำนาจอธิปไตย ไปสู่เสรีนิยม เสรีนิยมใหม่ หรือข้ามไปสู่รัฐสวัสดิการนั้น ยังเป็นสิ่งที่ต้องการคำตอบจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงเป็นเรื่องที่ภาคประชาชนต้องคิดและสร้างเงื่อนไขด้วย วรวิทย์ กล่าวเสริมว่า จะต้องมีการกำหนดทิศทางเดินว่าต้องการไปสู่จุดไหน ถ้าแค่ประชานิยม หรือเน้นมิติของผู้ผลิต ก็เท่ากับว่าไม่ได้ให้สิทธิทางสังคมเป็นสำคัญ โดยหากจะพัฒนาเรื่องสิทธิทางสังคม ต้องให้สิทธิและพัฒนากลไกเชิงสถาบันขึ้นมารองรับด้วยเพื่อทำให้สิทธินี้เป็นจริง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คิดจากรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ หลายส่วนต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่เช่นนั้นจะลดความขัดแย้งลงไม่ได้ |