Timeline: ชัยชนะของกรรมกรข้ามชาติ 'เอ็มแอพพาแรล' กับการต่อสู้เพื่อสิทธิค่าจ้างขั้นต่ำปรานม สมวงศ์ ศูนย์แรงงานเพื่อการเปลี่ยนแปลง (WH4C) 18 .. 55 ประชาไท ปรานม สมวงศ์ บันทึกการต่อสู้ของกรรมกรข้ามชาติชาวพม่า 323 คน ที่ทำงานในโรงงาน เอ็มแอพพาแรล จำกัด ได้ร่วมกับมูลนิธิแมพและสมาคมแรงงานยองชีอูเพื่อเจรจากับนายจ้างจนได้รับการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ ตามกฎหมาย แรงงานพม่า 323 คนที่ทำงานในโรงงาน เอ็มแอพพาแรล จำกัด ได้ร่วมกับมูลนิธิแมพและสมาคมแรงงานยองชีอูเพื่อเจรจากับนายจ้างโดยผ่านทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สาขาอำเภอแม่สอด เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา แรงงานได้ประสบความสำเร็จในการเจรจาและขณะนี้ได้รับการจ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่ของแม่สอด ซึ่งจริงๆแล้วแรงงานทุกคนต้องได้รับการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ โดยต้องรวมถึงแรงงานข้ามชาติด้วย อย่างไรก็ตามแรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ไม่ได้รับการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายและค่าจ้างจริงๆที่ได้รับมักจะต่ำกว่าที่รัฐบาลไทยกำหนดทางกฎหมายมาก แรงงานได้รับชัยชนะในการต่อสู้เพื่อให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ และเพื่อให้นายจ้างปรับปรุงสภาพการทำงานและสภาพความเป็นอยู่ เมื่อแรงงานไม่ได้รับการจ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย ตามที่รัฐบาลกำหนดอัตราใหม่เพิ่มขึ้นในวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา แรงงานได้เรียกร้องสิทธิของตนและได้ดำเนินกระบวนการเพื่อนัดหยุดงานจำนวน 21 วัน เริ่มเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งตามกฎหมายแรงงานควรมีสิทธิได้รับค่าแรง 226 บาทในเวลาทำงาน 8 ชั่วโมงของวันทำงานปกติ ก่อนที่จะมีการกำหนดอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำใหม่นี้ แรงงานในพื้นที่นี้ควรจะได้รับค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย วันละ 162 บาท ทว่าก่อนที่แรงงานจะเรียกร้องสิทธิพวกเธอและเขา แรงงานได้รับค่าแรงจริงเพียงแค่ 60-100 บาท ซึ่งในเงินจำนวนนี้ได้รวมค่าทำงานล่วงเวลาและการทำงานในวันหยุดแล้ว แรงงานต้องทำงานโดยไม่มีวันหยุดตั้งแต่ 8.00 เช้าถึงห้าทุ่ม โดยโรงงานจ่ายค่าล่วงเวลาแค่ชั่วโมงละ 8-10 บาท เหตุเกิดจากการนายจ้างไม่จ่ายค่าแรงตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ส่งผลให้แรงงานประสบความยากลำบาก ต้องอยู่โดยไม่มีเงิน ต้องอดอยากไม่มีเงินซื้ออาหารกินและไม่มีเงินใช้จ่ายในสิ่งของพื้นฐานที่จะเป็นต่อการดำรงชีวิต แรงงานเริ่มที่จะเรียกร้องให้นายจ้างจ่ายค่าแรงขั้นต่ำอัตราใหม่ตามที่กฎหมายกำหนด และอยากให้นายจ้างซ่อมแซมที่พัก จัดให้มีน้ำดื่มที่สะอาดและมีไฟฟ้าใช้ และได้รับสิทธิที่พึงมีพึงได้เหมือนแรงงานคนอื่นๆ วันที่ 10 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันกำหนดจ่ายเงินเดือน โรงงานได้ประกาศว่าจะเลื่อนไปจ่ายวันที่ 12 พอถึง วันที่ 12 พฤษภาคม โรงงานได้ประกาศว่านายจ้างป่วยจะเลื่อนไปจ่ายวันที่ 14 พอถึง 14 พฤษภาคม โรงงานแจ้งว่านายจ้างยังป่วย ผู้จัดการสามารถให้แรงงานยืมเงินก่อนคนละ 85 บาท ส่วนค่าแรงจะเลื่อนไปจ่ายวันที่ 17 พฤษภาคม แรงงานปฏิเสธไม่ยืมเงินและยืนยันให้โรงงานจ่ายค่าแรงเต็มจำนวน ที่เป็นเช่นนี้เพราะแรงงานไม่สามารถทนการกดขี่ต่อไปได้อีก ดังนั้นวันที่ 15 พฤษภาคม แรงงานได้เริ่มนัดหยุดงาน โดยได้เริ่มจากรวมตัวหน้าโรงงานและเรียกร้องให้นายจ้างเพิ่มค่าแรงและปรับปรุงสภาพการทำงานและสภาพความเป็นอยู่ ผู้จัดการโรงงานแจ้งว่าหากแรงงานไม่ทำงานก็ต้องออกไปจากบริเวณโรงงาน แรงงานจำนวน 209 คนถูกบังคับให้ออกนอกบริเวณโรงงานและต้องไปอาศัยวัดสองแควอยู่ หลังจากที่แรงงานได้เรียนรู้สิทธิของตนตามกฎหมายจากมูลนิธิแมพและสมาคมแรงงานยองชีอู แรงงานได้เลือกตัวแทน 7 คนเพื่อดำเนินการเจรจาและเขียนข้อเรียกร้องส่งถึงนายจ้าง ระบุว่าที่ผ่านมาแรงงาน 209 คน ได้พิจารณาแล้วเห็นว่านายจ้างและทางบริษัทจ่ายค่าจ้างผิดนัดและไม่ได้ปฎิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับค่าแรงและวันหยุดในการทำงาน รวมถึงการเรียกร้องเรื่องสภาพการทำงานและมีข้อเรียกร้องต่อนายจ้างดังนี้ 1. ให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และจ่ายค่าจ้างขั้นตำวันละ 226 บาท และลูกจ้างต้องมีวันหยุดอย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์ รวมถึงวันหยุดตามประเพณี และวันหยุดอื่นๆที่กฎหมายกำหนด 2. นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างไม่เกินวันที่ 5 ของทุกเดือน 3 ให้ลูกจ้างสามารถเปลี่ยนย้ายนายจ้างได้และบริษัททำการแจ้งออกแรงงานพร้อมกับคืนเอกสารให้กับแรงงานด้วย 4.ในการทำงานในวันหยุดนั้นนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง 2 เท่าในวันทำงานปกติ 5.ห้ามนายจ้างกลั่นแกล้งหรือเลิกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างไม่มีความผิด 6.หัวหน้าแผนก หรือหัวหน้างานไม่มีอำนาจดุด่า ว่ากล่าว ยกเว้นตักเตือนเรื่องของงาน วันที่ 16 พฤษภาคม แรงงานร่วมกับมูลนิธิแมพและสมาคมแรงงานยองชีอู ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สาขา แม่สอด ระบุถึงข้อเรียกร้องดังกล่าวและขอให้ทางบริษัทดำเนินการและเจรจากับตัวแทนแรงงาน ภายในวันที่17พฤษภาคม2555 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดทางแรงงานจะดำเนินการแจ้งการหยุดงานตามลายมือชื่อแนบท้ายเอกสาร วันที่ 17 พฤษภาคม แรงงานได้ทำการเจรจากับนายจ้างโดยผ่านทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สาขา แม่สอด นายจ้างยินยอมดำเนินการตามข้อรียกร้อง 2-6 แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ในข้อเรียกร้องข้อหนึ่งเรื่องค่าแรง วันที่ 29 พฤษภาคม นายจ้างยังคงไม่ปฏิบัติการตามข้อเรียกร้องค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย แรงงานได้ใช้เหตุผลและเสนอว่าให้นายจ้างจ่ายค่าแรงวันละ 160 บาทได้ และค่าจ้างที่เหลือให้เป็นการหักจ่ายค่าน้ำ ค่าที่พักและอาหาร แต่นายจ้างยังคงไม่ยอม วันเดียวกันนั้น แรงงานส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิงได้ย้ายไปอยู่ที่วัดสองแคว ซึ่งทางวัดเมตตาให้ที่พักอาศัยระหว่างที่ประสบปัญหาและไดรับการช่วยเหลือบางส่วนจากองค์กรชุมชนในแม่สอด วันที่ 5 มิถุนายน แรงงานประสบชัยชนะเมื่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สาขา แม่สอด มีคำสั่งให้นายจ้างต้องจ่ายเงินค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายแรงงาน วันละ 226 บาทกับแรงงาน 323 คน ให้มีวันหยุดวันอาทิตย์ หากมีล่วงเวลาให้จ่ายตามกฎหมายแรงงานและให้จ่ายทุกวันที่ 10 ของเดือน และแรงงานต้องย้ายไปพักอาศัยข้างนอกโรงงาน ภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2555 พร้อมทั้งมีการลงลายมือชื่อในข้อตกลงนั้นจากทุกฝ่าย แต่หลังจากข้อตกลงฉบับนี้ยังมีแรงงานที่เหลือ 60 คนที่ไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย และแรงงานกลุ่มนี้ยังพักอาศัยและทำงานตามปกติในโรงงาน มูลนิธิแมพของแสดงความยินดีกับแรงงานจำนวน 323 คนที่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิของตนและมีความกล้าหาญอย่างต่อเนื่องในกระบวนการต่อสู้จนกระทั่งทำให้นายจ้างต้องปฏิบัติตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายได้ โรงงาน เอ็มแอพพาแรล จำกัด จะเป็นโรงงานแห่งแรกในแม่สอดที่จ่ายค่าจ้างตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำในจังหวัดตาก โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายที่กฎหมายไม่อนุญาต แต่เรายังคงมีความห่วงใยต่อแรงงานอีก 60 คนและแรงงานในโรงงานอื่นๆอีกนับแสนคน ที่ยังคงได้รับค่าจ้างในอัตราเก่าที่ตำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้ 1. ให้รัฐบาลไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีมาตรการที่มั่นใจได้ว่านายจ้าง โรงงาน เอ็มแอพพาแรล จำกัด จะทำตามบันทึกข้อตกลงและคำสั่งของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายให้แรงงาน และไม่หาเหตุผลที่ไม่ชอบธรรมใดๆในการเลิกจ้างหรือเลือกปฏิบัติแรงงานที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของตนผ่านทางกระบวนการทางกฎหมายและผ่านกระบวนการของเจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 2. ให้กระทรวงแรงงานส่งพนักงานตรวจแรงงานไปตรวจทุกโรงงานในแม่สอดเพื่อตรวจสภาพการทำงานของลูกจ้างและสภาพการจ้างงานเพื่อให้มั่นใจว่านายจ้างจะปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย |