สภาพัฒน์ชี้แรงงานแฝง-หนี้ครัวเรือนเพิ่มสภาพัฒน์ เผย ไตรมาสแรกปี 55 คนตกงานลดลง แต่แรงงานแฝง-สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนขยับเพิ่มขึ้น29 .. 55 โพสต์ทูเดย์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ เผยภาวะสังคมในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.73% หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 285,150 คน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 0.83% โดยเป็นผลจากจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่เริ่มทยอยเรียกแรงงานให้กลับเข้ามาทำงานตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่สามารถทำการผลิตได้เต็มที่ ทั้งนี้แม้จำนวนผู้ว่างงานจะลดลงแต่หากพิจารณาถึงแรงงานแฝงกลับมีมากขึ้น โดยมีกว่า 557,000 คน เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อน 29.2% แบ่งเป็น ผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และต้องการทำงานเพิ่ม 111,755 คน และแรงงานรอฤดูกาล 445,785 คน ขณะที่ค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 15.1% แต่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.4% นอกจากนี้เริ่มมีแนวโน้มผู้ประกอบการย้ายฐานการลงทุนไปจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดน หรือประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย รัฐบาลต้องหามาตรการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ ส่วนการจ้างงานในไตรมาส 1/55 เพิ่มขึ้น 1.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการจ้างงานภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 2.5% เนื่องจากผลของน้ำท่วมในช่วงปลายปีก่อน ทำให้เกษตรกรเลื่อนการปลูกข้าวนาปรังมาเป็นไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 0.5% โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากแรงงานในพื้นที่น้ำท่วมได้ทยอยกลับเข้าสู่โรงงาน โดยข้อมูล ณ 1 พ.ค.55 โรงงานใน 7 นิคมอุตสาหกรรมที่หยุดกิจการชั่วคราวจากน้ำท่วมกลับมาผลิตแล้วบางส่วน และเต็มกำลังการผลิต ราว 615 แห่ง จากทั้งหมด 839 แห่ง หรือคิดเป็น 72% ด้านนางสุวรรณี คำมั่น รองเลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า ในปี 2555 สัดส่วนของหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากปี 54 ที่มีอยู่ 55.8% ของครัวเรือนทั่วประเทศ หรือประมาณ 134,900 บาทต่อครัวเรือน โดยส่วนหนึ่งเป็นการก่อหนี้จากผลการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ต่อเนื่องมาจากปี 54 ทั้งนโยบายเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปลายปี 54 นโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก และการแปลงหนี้นอกระบบให้เข้าสู่ระบบ ขณะเดียวกันยังมีการก่อหนี้รายย่อมเพิ่มขึ้น โดยเห็นได้จากยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิต เมื่อสิ้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 10.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 6.4% ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตเกิน 3 เดือนขึ้นไปเพิ่มขึ้น 13.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.7% ขณะที่การให้สินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ก็ยังสูงขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลอื่นๆ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากประชาชนต้องกู้เงินมาซ่อมแซมและฟื้นฟูที่อยู่อาศัย รวมทั้งรถยนต์หลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะประชาชนส่วนหนึ่งได้ใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดซื้อสิ่งของมากขึ้น |