http://voice
สมานฉันท์แรงงานไทยเตรียมเข็นกฎหมายแรงงานสัมพันธ์เข้าสภาสมัยหน้า หวังนักการเมืองให้ความสนใจเท่าเทียมกับกฎหมายการเมือง วอนอย่างแช่แข็งกฎหมายภาคประชาชน ชี้กฎหมายใหม่ลดปัญหาขัดแย้งในสถานประกอบการได้ และให้สิทธิเสรีภาพกับแรงงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมตามหลักสากล เร่งล่าชื่อให้ทันเปิดเวทีสาธารณะเพื่อระดมการสนับสนุนจากแรงงานทุกกลุ่มปลายมิถุนายนนี้
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2555 ที่ห้องประชุมศุภชัย ศรีสติ พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย คณะทำงานยกร่าง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ฉบับบูรณาการแรงงาน มีการประชุมเพื่อพิจารณาตรวจทานร่าง พ.ร.บ.ที่ร่วมกันยกร่างมาตั้งแต่เดือนมกราคมนี้ รวมทั้งกำหนดมาตรการในการขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนฯต่อไป
ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ 2518 ถูกสร้างขึ้นมาในยุคที่ต้องการสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนว่าจะได้ประโยชน์สูงสุด และยังไม่คิดถึงเรื่องประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมมากนัก ทำให้ขาดระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดีที่จะทำให้ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนกับผู้ใช้แรงงานสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข แบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นหลักการของสิทธิแรงงานในสากล พ.ร.บ.2518 ไม่ยอมรับสิทธิในการรวมตัวและเจรจาต่อรองตามหลัก ILO 87-98 ซึ่งนายจ้างอาจได้ประโยชน์ระยะสั้นแต่ไม่ยั่งยืน เพราะคนงานไม่มีความสุข ขาดความมั่นคง ผลผลิตก็จะออกมาไม่ได้ดี และท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่สังคมแห่งความเหลื่อมล้ำเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ส่วน พ.ร.บ.ที่ฝ่ายแรงงานยกร่างใหม่ เปลี่ยนหลักการสำคัญเดิมที่มีลักษณะแบ่งแยกและใช้กรอบการอุปถัมภ์ ให้เปลี่ยนไปยอมรับการมีส่วนร่วมอย่างเสมอภาคเท่าเทียม โดยจะไม่มีการแบ่งแยกเพื่อให้มีความครอบคลุมแรงงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งในและนอกระบบ และเปลี่ยนหลักคิดแรงงานสัมพันธ์แบบนายกับบ่าว เป็นนายจ้างลูกจ้างถือหุ้นส่วนกัน มีความเสมอภาคเท่าเทียม
ขณะที่ นายบัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ ผู้อำนวยการมูลนิธิอารมณ์ พงศพงัน กล่าวถึงปัญหาหลักของ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ 2518 ว่า กฎหมายแบ่งแยกสิทธิพื้นฐานการรวมตัวเจรจาต่อรอง โดยให้ความสำคัญเฉพาะกลุ่มลูกจ้างในสถานประกอบการภาคเอกชน มีการควบคุมตั้งแต่คุณสมบัติลูกจ้างที่ไปจดทะเบียนทั้งเรื่องอายุ จำนวนลูกจ้าง และ โดยเฉพาะเรื่องสัญชาติที่ถือเป็นการแบ่งแยกชัดเจน ซึ่งขัดกับหลักการสากลในเรื่องการรวมตัว และยังแบ่งแยกลูกจ้างระดับผู้บังคับบัญชากับลูกจ้างทั่วไปไม่ไห้รวมตัวกันได้ นอกจากนี้ยังกำหนดให้รวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงานได้เฉพาะลูกจ้างในประเภทกิจการเดียวกันเท่านั้น
ด้าน นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า แม้กฎหมายปัจจุบันจะเปิดให้คนงานจัดตั้งสหภาพแรงงานได้ แต่การที่ต้องรวมตัว 10 คนขึ้นไปเพื่อไปจดทะเบียนกับกระทรวงแรงงานโดยไม่มีกฎหมายคุ้มครองผู้จดทะเบียนทำให้นายจ้างหาเหตุเลิกจ้างแกนนำผู้ก่อตั้งได้ง่าย และมีการใช้ช่องว่างกฎหมายเพื่อเลิกจ้างล้มล้างทำลายสหภาพแรงงานปรากฎเป็นข่าวอยู่สมอ ทำให้ทุกวันนี้สหภาพแรงงานมีสมาชิกลดน้อยลง และทำให้เกิดอุปสรรคในการพูดคุยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานประกอบการ นำไปสู่การพิพาทแรงงานรุนแรงจำนวนมาก เกิดความสูญเสียทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ขบวนการแรงงานจึงพยายามผลักดันให้มีการแก้กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ 2518 มาโดยตลอด และครั้งนี้ได้มีการรณรงค์ให้แรงงานร่วมลงชื่อให้ได้เกิน 1 หมื่นชื่อตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นมา เพื่อเสนอกฎหมายเข้าสภาในสมัยประชุมหน้า โดยหวังว่าสภาฯจะให้ความสนใจกฎหมายภาคประชาชนบ้าง อย่ามุ่งแต่กฎหมายการเมืองแล้วทิ้งกฎหมายภาคประชาชน โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการล่ารายมือชื่อเสนอกฎหมายในพื้นที่อุตสาหกรรมต่างๆ คาดว่าจะได้เกิน 1 หมื่นชื่อในเร็วๆนี้ แล้วจะเปิดเวทีสาธารณะเพื่อทำความเข้าใจและรณรงค์ร่าง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ฉบับบูรณาการแรงงาน ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ที่โรงแรมอิสติน มักกะสัน กรุงเทพฯ
นักสื่อสารแรงงาน รายงาน