Thai / English

คาดปี 54 ภาคอุตฯ ฟื้นได้แน่ เผยค่ายรถยุโรปยึดไทยฮับอาเซียน



17 .. 53
ผู้จัดการ

"ชัยวุฒิ" มั่นใจภาคอุตฯ ฟื้นตัวได้แน่ เผยค่ายรถหรูจากยุโรป "เบนซ์-บีเอ็ม" เตรียมยึดไทยเป็นฐานผลิตในอาเซียน คาดประเดิมลงทุนต้นปีหน้าเบาะๆ 4 หมื่นล้าน ตั้งโรงงานผลิตในไทย สั่งรื้อระบบภาษีเอาไว้คอยท่าแล้ว ห่วงปัญหาขาดแคลนแรงงาน

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหรรม เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรม ปี 2554 มีทิศทางที่ขยายตัวขึ้น โดยขณะนี้มีนักลงทุนจากประเทศฝรั่งเศสและเยอรมันนีประมาณ 10 ราย มีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในปี2554 เป็นต้นไป โดยมีมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้แก่ บริษัท ไดม์เลอร์ เอจี ผู้ผลิตรถหรูเบนซ์ จะมาตั้งโรงงานผลิตรถหรูยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ็ม-คลาส ในไทย ซึ่งเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ของโลกต่อจากสหรัฐฯ รวมทั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์เมอเซเดส เบนซ์ในไทยด้วย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มลงทุนในปี 2554 และสามารถผลิตเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ปี 2555

ทั้งนี้ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู เอจี ผู้ผลิตรถหรูยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ก็จะสร้างโรงงานเพื่อผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์วัน (X1) ในไทยด้วย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการให้ไทยปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ โดยพิจารณาจากการประหยัดพลังงานและการปล่อยมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าจัด เก็บตามขนาดเครื่องยนต์ (ซี.ซี.) ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่าจะสรุปการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ได้ในเดือน ธันวาคม 2553 นี้

นอกจากนี้ บริษัท มิชลิน จะขยายการลงทุนในส่วนของการนำเข้ายางรถบรรทุกใช้แล้วมาหล่อดอกยางใหม่ เพื่อส่งออก และยืนยันใช้ไทยเป็นฐานการผลิตยางรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หลังจากปี 2553 ขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 6,100 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นควรให้สนับสนุน แต่ต้องมีระบบตรวจสอบก่อนนำเข้า เพื่อให้มั่นใจว่ายางเก่าที่นำเข้ามามีคุณภาพที่เหมาะสมจะนำมาหล่อยางได้ ใหม่ หากไม่ได้ต้องมีการส่งกลับ นอกจากนี้ยังได้เชิญให้บริษัทมาลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา หรืออาร์แอนด์ดี เพิ่มเติม ปัจจุบัน มิชลิน ได้ยืนยันที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญต่อไป

ขณะที่อุตสาหกรรมค้าปลีกภายใต้บริษัท คาสิโน ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีกภายใต้แบรนด์ บิ๊กซี ให้ความชัดเจนในการใช้ไทยเป็นฐานธุรกิจในอาเซียนด้วย ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ บริษัท เซนต์-โกเบน(Saint-Gobain) สนใจขยายการลงทุนผลิตกระจกสำหรับยานยนต์ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้เชิญชวนให้มาผลิตโซลาร์เซลล์ ระบบ CIGS ในประเทศ

บริษัท ซีสตรา (Systra) และอัลสตรอม (Alstrom) สนใจลงทุนการพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูง บริษัท Evonik Rohm GmbH บริษัทเคมีใหญ่อันดับ 3 ของเยอรมัน สนใจลงทุนในไทย 2 โครงการ เป็นโครงการผลิตไฮโดรเจน เปอร์ออกไซต์ กำลังผลิต 2.5 แสนตันต่อปี มูลค่าลงทุนราว 5,000 ล้านบาท และโครงการผลิตพรีซิพิเทตซิลิกา บริษัท คอนติเนนตัล ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลกสนใจผลิตส่วนประกอบระบบต่างๆ เช่น เอบีเอส และระบบอีเอสซีในไทย เป็นต้น

รมว.อุตฯ คาดการณ์ว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยปี 2554 จะขยายตัว 3.5-4.5% ดัชนีการผลิต (MPI) ขยายตัว 6.0-8.0% อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 64.0-66.0% ส่วนจีดีพีอุตสาหกรรมปี 2553 ขยายตัว 12-13% ดัชนีเอ็มพีไอขยายตัว 15.0-16.0% และอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 63-64% การที่จีดีพีอุตสาหกรรมปีหน้าลดลงเนื่องจากฐานปี 2553 ค่อนข้างสูง

สำหรับปัจจัยที่กังวลในปี 2554 ได้แก่ ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ และไม่สอดคล้องกับการขยายตัวของอุตสากรรมกลุ่มยานยนต์ ที่มีเป้าหมายผลิตในปี 2554 จำนวน 1.8 ล้านคัน เป็นต้น โดยเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้า กระทรวงฯร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงานผลิตแรงงานให้ได้ 2 แสนคน เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบ