แรงงานไทยในลิเบียชื่นมื่น เคลียร์ปัญหาค่าจ้าง บ.เอกชน จบ เผยพร้อมร่วมงานอีก19 .. 53 ผู้จัดการ แรงงานไทยในลิเบีย ชื่นมื่น ได้รับค่าจ้างคืนแล้ว หลังเดินทางกลับไทย ยันพร้อมร่วมงานกับ บ.เงินและทองพัฒนา อีก ชมดูแลดี-ไม่ทอดทิ้งแรงงาน ด้านปลัดกระทรวง เตือนแรงงานไทยต้องดูเงื่อนไข-สัญญาให้ดีก่อนไปทำงานป้องกันเข้าใจผิด ขณะที่ผู้บริหารบริษัทยันไม่ละเลยแรงงาน ชี้ ปัญหาอาจเกิดจากถูกกลั่นแกล้งจากแรงงานบางส่วน พร้อมเตือนระวังกระทบผลประโยชน์ชาติโดยรวม
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน มีการจัดพิธีมอบเงินค่าจ้างให้กับแรงงานไทยที่ไปทำงานยังประเทศลิเบีย ที่มี บริษัท จัดหางานเงินและทองพัฒนา จำกัด เป็นผู้จัดส่งแรงงานจำนวน 32 คน โดยมี นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการมอบเงิน โดย นายสุพจน์ พงษ์สุพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน กล่าวก่อนการมอบเงินว่ามีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่ประเทศลิเบียในส่วนของ บริษัท เงินและทอง จำนวน 198 คน ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทและนายจ้างที่ประเทศลิเบียได้จ่ายเงินให้กับแรงงานแล้ว 40 คน และในวันที่ 18 ต.ค.อีกจำนวน 32 คน ทั้งนี้ เงินค่าจ้างทางบริษัท เงินและทองพัฒนา ได้รับเงินจากนายจ้างให้มาจ่ายให้กับแรงงานไทยแล้วจำนวน 1.87 ล้านบาท ส่วนที่เหลือกรมการจัดหางานจะติดต่อกับบริษัทเพื่อให้แรงงานมารับค่าแรงคืน ทั้งนี้ แรงงานที่อยู่ประเทศได้ทยอยเดินทางยังประเทศครบทุกคนแล้ว
ด้าน นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ทางกระทรวงแรงงานได้มีการร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ บริษัท เงินและทองพัฒนา เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาแรงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายจ้าง ทั้งนี้ อยากฝากขอให้กับแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศต้องดูสัญญาและ เงื่อนไขต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน และตรวจสอบประเพณีวัฒนธรรมการทำงานของประเทศนั้นว่าเป็นอย่างไร รวมทั้งความเป็นอยู่และแนวทางการทำงานของนายจ้าง ซึ่งสามารถขอคำปรึกษาจากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานได้ และสิ่งสำคัญแรงงานต้องเดินทางไปอย่างถูกต้องและถูกกำหมาย หรือผ่านบริษัทจัดหางานที่ไดรับรองตามมาตรฐาน อย่าหลบหนีเข้า ประเทศเพื่อไปทำงาน เนื่องจากหากเกิดอะไรจะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น
ขณะที่ นายเสกสรร สุวรรณสาร กรรมการบริษัท เงินและทองพัฒนา จำกัด กล่าวว่า ความเป็นอยู่ของแรงงานที่บริษัทได้จัดส่งไปอาจไม่ดีถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เต็ม เนื่องจากยังมีแรงงานจากประเทศอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกับแรงงานไทย อาทิ บังกลาเทศ ซึ่งอาจทำให้อาหารการกินมีความหลากหลาย ส่วนเรื่องการเดินทางไปทำงานซึ่งมีข่าวว่าคนงานต้องเดินเท้าไปงาน 7-8 กิโลเมตรนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งข้อเท็จจริง ใช้ระยะทางเพียง 500-600 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้ หากเดินเท้าวันละ 7-8 กิโลเมตร ท่ามกลางทะเลทรายคนงานคงจะเสียชีวิตไปตั้งแต่วันแรกแล้ว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากคนงานบางกลุ่มที่ไม่พอใจในการทำงานของบริษัท ซึ่งถือเป็นส่วนน้อย เพราะยังมีคนงานกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังต้องการทำงานในประเทศลิเบียต่อ แต่เมื่อเกิดปัญหาจึงต้องนำแรงงานไทยกลับมาทั้งหมด ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีแรงงานไทยที่บริษัทจัดส่งไปเสียชีวิตที่ประเทศลิเบียแม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจมาจากการพูดคุยระหว่างครอบครัวของคนที่ได้สอบ ถึงความเป็นอยู่ ซึ่งอาจมีบางส่วนพูดเงินจริงไปบ้าง ดังนั้นอยากให้กรมการจัดหางานช่วยแก้ปัญหา
ส่วน นายจักพรรณ สุวรรณสร กรรมการบริษัท กล่าวว่า ตลาดแรงงานไทยในประเทศลิเบียในหนึ่งปีจะมีแรงงานไทยเข้าไปทำงานกว่า 26,000 คน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบทำให้ทางการลิเบียเกิดความไม่พอใจไม่รับ แรงงานไทยเข้าไปทำงาน ซึ่งอาจทำให้แรงงานไทยที่เข้าไปทำงานในประเทศลิเบียในขณะนี้ต้องเกิดปัญหา ส่งผลให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้ ส่วนเรื่องค่าแรงของแรงงานตนยืนยันว่าแรงงานจะได้ครบหมดทุกคน อย่างไรก็ตาม งานก่อสร้างหากมีเหตุการณ์ต้องหยุดชะงักลง เงินเดือนอาจได้ช้าลงไปบ้าง โดยได้พยายามติดตามปัญหาและนำเงินค่าจ้างที่แรงงานสมควรจะได้กลับมาทั้งหมด โดยทางบริษัท ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่าใด
ด้าน นายพรชัย ยุวพรหม อายุ 48 ปี ชาวบ้าน จ.ศรีสะเกษ หนึ่งในแรงงานไทยที่บริษัทเงินและทองพัฒนาฯส่งไปทำงานที่ประเทศลิเบีย กล่าวว่า เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศลิเบียได้ 10 กว่าวันแล้วการที่มารับเงินค่าจ้างในวันนี้รู้สึกดีใจมาก จำนวน 42,000 บาท ซึ่งจะนำไปใช้จ่ายในครอบครัว และขอยืนยันว่าในช่วงเวลาที่ได้ทำงานในประเทศลิเบียไม่ได้มีปัญหาตามเป็น ข่าว มีเพียงแต่ปัญหาไม่ได้ค่าจ้างตรงเวลา ซึ่งในสัญญาแม้จะระบุว่าสามารถจ่ายเงินเดือนล่าช้า 2-3 เดือนต่อครั้ง ทางแรงงานก็สามารถรอได้ เพราะในสัญญาได้ระบุไว้ชัดเจน ส่วนเรื่องความเป็นอยู่ก็ไม่มีปัญหาหรือลำบากแต่อย่างใด ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายนตนจะเดินทางไปทำงานที่ปะเทศลิเบีย โดยผ่านบริษัท เงินและทองพัฒนา อีก ตนมั่นใจว่า ไม่มีปัญหาอะไรอีก เพราะทางบริษัทได้ติดตามดูความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิดไม่ได้ละเลยตามที่เป็น ข่าว |