Thai / English

10 ปีแรงงานต่างด้าวเพิ่มนับล้านมากเกินพอ

ผอ.วิจัย ทีดีอาร์ไอ ชี้แรงงานต่างด้าวมากเกิน เกิดปัญหาทำงานไม่ตรงอนุญาต แนะขอเพื่อนบ้านร่วมตั้งศูนย์รับรองก่อนข้ามแดน สกัดพวกตบทรัพย์

08 .. 53
กรุงเทพธุรกิจ

ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เปิดเผย ผลสำรวจแรงงานต่างด้าวใน 5 จังหวัดที่ใช้แรงงานจำนวนมาก ได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี กว่า 600 คน จากอาชีพประมงและต่อเนื่องจากการประมง คนทำงานตามบ้าน และก่อสร้าง พบแรงงานจำนวนมากเปลี่ยนอาชีพเปลี่ยนนายจ้าง ทำงานไม่ตรงตามอาชีพที่ได้รับอนุญาต ตามบัตรสีกำหนดอาชีพที่ราชการออกให้ แรงงานไม่ต่ออายุบัตรอนุญาต

"เมื่อ ดูบัตรสีพบประมาณร้อยละ 50 เปลี่ยนสภาพนายจ้างไปแล้ว เรียกว่าตอนนี้บัตรสีมั่วไปหมด เป็นการสมยอมทั้งตัวแรงงานและนายจ้างไม่ทำตามกติกากฎหมายกำหนด เช่น พบอยู่ในงานก่อสร้างแทนที่จะอยู่ในงานประมง เป็นต้น"

ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน โดยกระบวนการแรงงานที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติก็ต้องกลับไปเข้าสู่ กระบวนการพิสูจน์สัญชาติ ส่วนคนผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้วเคยได้รับบัตรอนุญาตแล้วเมื่อบัตรหมดอายุก็ ต้องไปต่ออายุหรือหากจะเปลี่ยนอาชีพเปลี่ยนนายจ้างใหม่ก็ต้องไปยื่นขอใบ อนุญาต(work permit) ที่ถูกต้อง

ปัจจุบัน กระบวนการพิสูจน์สัญชาติจากการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบแรก และอนุญาตให้อยู่ได้ชั่วคราวสองปีระหว่างรอการพิสูจน์สัญชาตินั้น มีความคืบหน้าไปมาก มีแรงงานที่ผ่านพิสูจน์สัญชาติแล้วราว 1 แสนคนที่รอการขอเวิร์ก เพอร์มิต ตามขั้นตอน ซึ่งนายจ้างที่ต้องการสามารถมาผ่านกระบวนการนำแรงงานเหล่านี้ไปทำงานได้ อย่างถูกต้อง เป็นช่องทางปกติทำได้อยู่แล้ว

"ทำไมนายจ้างไม่ใช้ช่องทางปกติใช้แรง งานถูกกฎหมาย ในเมื่อกระบวนการที่เป็นอยู่นายจ้างสามารถเอาคนที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ แล้วกลับมาทำงานได้และมีจำนวนเพียงพอ"

ดร.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมาประเทศไทยใช้แรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นทุกปี จากประมาณ 350,000 คน เพิ่มเป็นราว 2 ล้านคนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการเปิดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเอาคนใหม่มาเพิ่ม กับคนเก่าซึ่งยังไม่ผลักดันออกไป แต่กลายเป็นแรงงานผิดกฎหมายอยู่ในที่ต่าง ๆ อีกทั้งยังเปิดช่องทางให้นายจ้างที่ต้องการใช้แรงงานราคาถูกไปร่วมมือกับนาย หน้าจัดหาแรงงานเถื่อนและเจ้าหน้าที่ทุจริตบางคน เกิดขบวนการตบทรัพย์แรงงาน ซึ่งในภาพรวมแล้วประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์ นายจ้างได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว และเป็นการเอาเปรียบนายจ้างที่ทำถูกกฎหมาย ซ้ำยังสร้างพฤติกรรมไม่มีธรรมาภิบาลด้วย ทำให้เกิดการเลียนแบบกับแรงงานต่างด้าวอื่นๆ ทำให้กฎหมายหรือกติกาของเราไม่ดำเนินไปแนวทางที่ถูกต้อง และเมื่อมีจำนวนมากขึ้นจนแยกแยะไม่ออก ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบการคุ้มครองดูแลที่ไทยรับผิดชอบ

แรงงานต่างด้าวที่มีอยู่ในปัจจุบันมี จำนวนเพียงพอหรืออาจจะเกินพอด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเปิดรับคนใหม่เข้ามาอีก หากมีการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวที่ดี โดยแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเข้าทำงานในโครงสร้างแรงงานระดับล่าง(คนไทยไม่ทำ) ต้องมีจำนวนที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจำเป็นแท้จริง(ไม่ใช่โควตาเผื่อ สำรองของผู้ประกอบการ) จึงจะเกิดประโยชน์ หากนายจ้างยังติดกับการใช้แรงงานราคาถูกและใช้แรงงานต่างด้าวจำนวนมากเกินไป จนขยับมาทับซ้อนกับโครงสร้างแรงงานระดับกลางที่คนไทยทำอยู่ จะเกิดผลกระทบทันทีและค่อนข้างรุนแรง คือ แรงงานไทยถูกแย่งงาน ค่าจ้างแรงงาน และการจัดการคุ้มครองดูแลตามกฎหมาย

ดร.ยงยุทธ เสนอด้วยว่า หากกระบวนการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว คือการฟอกตัวคนผิดให้เข้ามาอยู่ในประเทศได้อย่างถูกต้อง ก็ควรไปตั้งจุดตรวจสอบที่ชายแดน “ฟอก”ให้เบ็ดเสร็จโดยขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพิสูจน์สัญชาติ และรับเฉพาะคนที่ประเทศเพื่อนบ้านให้การรับรองแล้วเท่านั้น กระบวนการเช่นนี้จะช่วยตัดขบวนการตบทรัพย์หากินกับแรงงาน นายจ้างก็สามารถไปรับแรงงานกลุ่มที่ถูกกฎหมายได้เลย แล้วมาขอ work permit ให้ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ทำลายระบบเดิม แต่ทำลายระบบผิดกฎหมายที่เป็นอยู่ได้

ซึ่งผลการสำรวจพบว่า มีนายจ้าง 17 เปอร์เซ็นต์ไม่จ่ายค่าจ้าง อีกกว่า 20 % จ่ายค่าจ้างต่ำกว่า และอีกกว่า 20 % ลดค่าจ้างโดยไม่บอกเหตุผล ซึ่งหมายความว่าในกระบวนการบางอย่างนายจ้างปัดความรับผิดชอบไปไว้กับลูกจ้าง แล้วหักค่าใช้จ่ายโดยไม่บอกลูกจ้าง ทำให้ได้ค่าจ้างไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกทั้งในกระบวนการได้แรงงานต่างด้าวราคาถูกมาทำงาน นายจ้าง(บางส่วน)สมยอมให้นายหน้าจัดหางานดำเนินการแทนแล้วนายหน้าฯเรียกรับ ค่าใช้จ่ายสูงเกินซ้ำเติมจากลูกจ้างอีก เช่น ค่ากรอกเอกสารบางอย่างจ่ายจริงแค่ไม่กี่สิบบาทแต่เรียกเก็บจากลูกจ้างหลาย ร้อยบาท รัฐต้องเข้าไปดูแลอย่าให้นายหน้าฯเหล่านี้ผลักภาระและไปขูดรีดอย่างไม่เป็น ธรรมกับลูกจ้างแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะในระดับล่างซึ่งได้ค่าจ้างต่ำอยู่ แล้ว

ดร.ยงยุทธ กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันยังไม่เห็นความจำเป็นต้องเปิดรับขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเข้ามา เพิ่มอีก เพราะจำนวนที่มีอยู่เพียงพอแล้ว แต่ต้องการการบริหารจัดการให้ดี ขณะเดียวกันในกระบวนการตรวจสอบสัญชาติเพื่อความถูกต้องก็ยังต้องทำต่อไป การใช้แรงงานต่างด้าวโดยผ่านกระบวนการและขั้นตอนที่ถูกต้องนี้ไม่ใช่เรื่อง ยุ่งยาก อีกทั้งยังช่วยลดปัญหากระบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและการทุจริตของเจ้า หน้าที่บางคนที่เอื้อประโยชน์ให้กับขบวนการเหล่านี้ซึ่งเป็นการเอาเปรียบแรง งาน และที่สำคัญหากยังปล่อยให้กระบวนการเหล่านี้ดำเนินอยู่ต่อไปจะยิ่งทำให้มี การละเมิดกฎหมายกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง กระบวนการภาครัฐต้องให้ความสำคัญและใช้กลไกที่มีอยู่จัดให้มีหน่วยงานพร้อม จำนวนเจ้าหน้าที่เพียงพอกับการดูแลแรงงานต่างด้าวนับล้านคน

นอกจากนี้ การเปิดรับแรงงานต่างด้าวเข้ามามากๆ แล้วไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตของอุตสาหกรรม มีผลทำให้ชะลอการเติบโตของประเทศ จนประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้าไปหมดแล้ว และหากยังเป็นอย่างนี้ บางอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงแรงงานต่างด้าวอย่างเดียวหากวันหนึ่งแรงงานต่างด้าว พร้อมใจกับกลับประเทศอุตสาหกรรมอาจชะงักและเจ๊งกันระนาวก็เป็นได้