Thai / English

ภาคเอกชนเชื่อมั่นไทยเข้มแข็ง มั่นใจทุกรัฐบาลอยากสานต่อ



17 .. 52
สำนักข่าวไทย

รร.เซ็นทรัลเวิลด์ 16 พ.ย.- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “อนาคตไทยภายใต้ เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง” ว่า จากแผนการลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งวงเงิน 1.43 ล้านล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างงานให้ได้ 1.5 ล้านคน และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 1.3 ต่อปี ตั้งแต่ปี 2553 นับว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ยังได้เดินสายชี้แจงกับนักลงทุนต่างชาติผ่านเวทีประชุมระดับนานาชาติ เกี่ยวกับปัญหาศาลมีคำสั่งให้ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดหยุดดำเนินการ เมื่อรับฟังขั้นตอนดำเนินการของรัฐบาลแล้วนับว่านักลงทุนมีความเข้าใจมากขึ้น

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาการเมืองที่มีอยู่ในขณะนี้ภาคเอกชนไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยนัก เพราะจะทำให้การดำเนินโครงการลงทุนต่างๆ ไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างชาติต้องการนโยบายที่มีความต่อเนื่อง เพื่อกำหนดแผนธุรกิจได้ในระยะยาว ดังนั้น ต้องให้กำลังใจรัฐบาลที่ต้องการให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจดำเนินการต่อเนื่อง ดังนั้น ความขัดแย้งที่มีอยู่ขณะนี้ขอให้ทุกฝ่ายหยุดชั่วคราว เพราะประเทศยังจนหากประเทศพัฒนาจนร่ำรวยแล้วมีความคิดต่างกันค่อยมาทะเลาะกันใหม่ นอกจากนี้ เห็นว่าการลงทุนไทยเข้มแข็งเน้นลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถึง 5 แสนล้านบาท จะช่วยลดต้นทุนในระบบขนส่งสินค้าให้กับภาคเอกชนได้ และมองว่าเงินลงทุนก้อนใหญ่ 1.43 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็พร้อมสานต่อ เพื่อเป็นสิ่งที่ดีเพื่อทำให้พื้นฐานเศรษฐกิจเข้มแข็งและจะเรียกความนิยมได้ดี

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารพร้อยปล่อยกู้ให้กับธุรกิจลงทุนก่อสร้างโครงการไทยเข้มแข็ง เพราะขณะนี้ยอดสินเชื่อของสถาบันการเงินในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 5 แสดงถึงความต้องการสินเชื่อของเอกชนเริ่มสูงขึ้น และขณะนี้ยอดหนี้เอ็นพีแอลของระบบไม่สูงนัก ทำให้ธนาคารหลายแห่งออกโครงการสินเชื่อหนุนไทยเข้มแข็งเหมือนกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งได้ออกหนังสือค้ำประกันได้ภายใน 1 วัน และอนุมัติสินเชื่อภายใน 15 วัน อีกทั้งมองว่าการลงทุนไทยเข้มแข็งได้อยู่ในภาคก่อสร้างถึงร้อยละ 87.7 ของเงินลงทุนทั้งหมด ทำให้ภาคก่อสร้างและธุรกิจต่อเนื่องได้อานิสงส์ และเป็นกลไกสำคัญให้เศรษฐกิจในปี 2553 ฟื้นตัวได้

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เงินลงทุนไทยเข้มแข็งในปี 2553 จะมีจำนวนมากถึง 1.06 ล้านล้านบาท และหากมีการเบิกจ่ายได้ร้อยละ 70-80 ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เยอะมาก ดังนั้น จึงต้องการเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล และติดตามให้โครงการลงทุนต่างๆ ให้มีผลเป็นรูปธรรม เพราะถึงแม้โครงการจะดีแต่หากไม่นำไปปฏิบัติเป็นผลสำเร็จก็ไม่เป็นประโยชน์ สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจขณะนี้มีสัญญาณดีขึ้นมาก เพราะมีออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้ามายังผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทั้งลูกค้าภายในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นเกิน 100 จุด นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีมาก โดยจะต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกของปีหน้าและจะทำให้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นได้ถึงร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา