Thai / English

จัดหางานออนไลน์บูม คนใช้พุ่ง5แสนราย/เดือน เผยตำแหน่ง′เซลส์-ไอที′ยอดฮิต



17 .. 52
ประชาชาติธุรกิจ

ธุรกิจจัดหางานออนไลน์ส้มหล่นวิกฤตแรงงาน จ็อบส์ดีบียักษ์ใหญ่ดาต้าเบสคนหางานพุ่งกว่า 500,000 รายต่อเดือน ขณะที่จ็อบสตรีทฯมองเห็นช่องทางการตลาด จับมือสนุกดอทคอมโดดแย่งเค้กตลาดจัดหางานเมืองไทยมูลค่าเกือบ 1,000 ล้าน เผยเซลส์และคนด้านไอยอดฮิต

นางสาธินี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางานจ็อบส์ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ด้วยสถานการณ์ที่สภาพเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นระดับโลกหรือระดับประเทศที่อยู่ในภาวะการชะลอตัว ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบกับตลาดแรงงานอย่างมาก การแข่งขันกันในตลาดแรงงานจึงเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เพราะคนต้องการงานจำนวนมาก แต่สถานประกอบการกลับลดจำนวนคนงานลง ซึ่งนับจากที่เปิดดำเนินการธุรกิจจัดหางานออนไลน์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2542 ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีคนหางานมาก โดยดูจากสถิติคนที่เข้ามาลงทะเบียนฝากประวัติไว้กับจ็อบส์ดีบีในช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ยเดือนหนึ่งเกือบ 500,000 คน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลจากการที่คนไทยรู้จักใช้อินเทอร์เน็ตในการหางานมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดจัดหางานออนไลน์ในปีนี้ มูลค่าตลาดน่าจะอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของจ็อบส์ดีบีเองมองว่าน่าจะยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้ในระดับเดิม เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพรีเมี่ยมที่ใช้บริการกันมานาน ดังนั้นจึงต้องหากลยุทธ์การตลาดในปีนี้จึงเน้นการรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิมไว้ให้ได้ โดยมีการปรับปรุงเว็บไซต์ตลอดเวลาเพื่อให้คนที่เข้ามาใช้บริการไม่ได้เข้าไปหางานเพียงอย่างเดียว แต่จะได้รับความรู้ด้านต่างๆ ด้วย เช่น จะมีบทความเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของคนทำงาน หรือการจัดเทรนนิ่งให้ในเรื่องต่างๆ ให้กับพนักงานของบริษัทลูกค้า

"วันนี้เว็บไซต์จัดหางานเปิดกันเยอะมาก เพราะการทำเว็บไซต์นั้นง่าย แต่การบริหารจัดการ การบริการลูกค้าให้ดีมีคุณภาพไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหากแหล่งงานไม่มีคุณภาพ ไม่มีบริการที่ต่อเนื่องผู้ใช้บริการเข้าไปครั้งเดียวก็เลิก"

สำหรับตำแหน่งงานที่ตลาดมีความต้องการสูงในปัจจุบันยังคงเป็นกลุ่มคนที่ทำงานด้านไอทีและเซลส์ ผู้จัดการโรงงานที่สามารถไปทำงานในต่างประเทศ เช่น ลาว เขมร จีน

ด้านนายต่อบุญ พ่วงมหา ประธานบริหาร บริษัท สนุก ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์สนุกดอทคอม (www.sanook.com) กล่าวถึงเหตุผลที่ร่วมกับจ็อบสตรีทดอทคอม (JobStreet.com) เปิดเว็บไซต์จัดหางานออนไลน์แห่งใหม่สำหรับลูกค้าในประเทศไทยว่า เพื่อเติมเต็มศักยภาพธุรกิจออนไลน์ ครอบคลุมความต้องการและพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น เพราะโอกาสทางการตลาดตรงนี้ยังมีสูง หากดูภาพรวมตลาดคลาสซิฟายในปัจจุบันมูลค่าตลาดน่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาทต่อปี 1 ใน 3 เป็นตลาดจัดหางานมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งวันนี้จัดหางานออนไลน์ได้ชิงส่วนแบ่งตลาดไปประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงยังมีตัวเลขที่จะสนับสนุนการเติบโตของสื่อออนไลน์ประเภทจัดหางานอีกจำนวนมาก ที่น่าสนใจคือ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดจัดหางานมีอัตราเติบโตปีละมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตลักษณะนี้จะอยู่ในตลาดจัดหางานอีก 3-5 ปีข้างหน้า

ขณะที่นายอีริค ซีโต ผู้จัดการทั่วไป ประเทศมาเลเซียและไทย จ็อบสตรีทดอทคอม กล่าวว่า เรามองว่าเศรษฐกิจขาลงเป็นโอกาสเพราะเป็นช่วงที่ความต้องการหางานเพิ่มขึ้น ผู้หางานต้องการเข้าถึงแหล่งงานคุณภาพที่ให้ความสะดวกและมีทางเลือกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะเดียวกัน ผู้จ้างงานก็กำลังมองหาวิธีการคัดสรรหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติตรงกับงานมากที่สุด ผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายมากที่สุด ซึ่งหลังจากที่จ็อบสตรีทดอทคอมเข้ามาทดลองเปิดตลาดจัดหางานออนไลน์ในเมืองไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยมีการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการของเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับความต้องการของคนหางานอย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากคนหางานเข้ามาใช้บริการดีมาก คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 17 เท่าตัว จากผู้ที่มาลงทะเบียนหางาน 200 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ตัวเลขขยับขึ้นมาเป็น 3,665 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์จัดหางานที่โตเร็วที่สุดในประเทศไทย ทั้งด้านตัวเลขคนหางานและบริษัทต้องการให้หางานให้สูงขึ้นเรื่อยๆ

นางสาวจารุณี เมืองพระ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท จัดหางานไทยแพลเน็ต เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โดยภาพรวมแล้วตลาดจัดหางานออนไลน์ในปีนี้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทในตลาดจำนวนมากขึ้น ทั้งบริษัทของคนไทยเองและบริษัทต่างชาติ แต่เนื่องจากผู้ประกอบการนิยมใช้บริการบริษัทจัดหางานมากขึ้น ทำให้ยอดผู้ใช้บริการของบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้นทุกปี แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาตัวเลขของบริษัทต่างๆ จากที่ต้องการคนจะน้อยลง แต่บริษัทจัดหางานออนไลน์ก็พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาฐานส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเองให้ได้มากที่สุด ในส่วนของจัดหางานไทยแพลเน็ตฯเองก็ได้ปรับลดค่าใช้จ่ายในการให้บริการกับลูกค้าจากเดิมที่บริษัทจัดหางานออนไลน์จะเก็บอยู่ที่ 2 เท่าของอัตราค่าตอบแทนที่ผู้สมัครได้รับในเดือนแรก บริษัทได้ลดราคาให้ลูกค้าถึง 75 เปอร์เซ็นต์ เช่น พนักงานได้เงินเดือน 10,000 บาท บริษัทก็จะเก็บค่าใช้จ่ายจากนายจ้างเพียง 25% เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จึงคาดว่าจะใช้แคมเปญนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

โดยตำแหน่งงานที่ตลาดมีความต้องการมากที่สุดคือ เซลส์ รองลงมาเป็นพนักงานออฟฟิศ เช่น ฝ่ายบุคคล ฝ่ายจัดซื้อ ส่วนคนที่มีความสามารถทางด้านภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ตลาดก็ยังมีความต้องการอยู่มาก