Thai / English

แรงงานลำพูน ยื่นหนังสือ รมว.แรงงาน แก้ไขปัญหาพิพาทแรงงานด่วน


ประชาไท
20 .. 50
ประชาไท

ประชาไท - 19 ก.ค. 2550 ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายณัฐพงษ์ อุดเวียง ประธานสหภาพแรงงานอัญมณีและเครื่องประดับสัมพันธ์ (สอส.) และกรรมการสหภาพแรงงานฯ ได้ยื่นหนังสือให้กับนายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหาพิพาทแรงงานเร่งด่วน

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เนื่องด้วยสหภาพแรงงานฯ ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานของลูกจ้างระดับพนักงานฝ่ายผลิตประเภทกิจการอัญมณีและเครื่องประดับ ได้มีการยื่นข้อเรียกร้องต่อบริษัท อี เอฟ ดี (ไทยแลนด์) จำกัด จ.ลำพูน เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจากัน 7 ครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากตัวแทนฝ่ายนายจ้างที่เข้าเจรจาอ้างว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ทั้งๆ ที่มีหนังสือแต่งตั้งให้เป็นผู้มีอำนาจเป็นตัวแทนในการเจรจาฝ่ายนายจ้าง และบางครั้งก็มีความพยายามของฝ่ายนายจ้างในการนำเอาบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมในการเจรจา ทำให้ต้องเลื่อนการเจรจากันหลายครั้ง โดยไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด จวบจนการเจรจาครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ตัวแทนเจรจาฝ่ายนายจ้างก็รับข้อเรียกร้องของฝ่ายลูกจ้าง 3 ข้อ คือข้อเรียกร้องข้อที่ 1 ข้อที่ 6 และ ข้อที่ 8 โดยจะนำไปให้ประธานบริษัทฯ ตัดสินใจ โดยจะมาแจ้งในการประชุมครั้งต่อไป

โดยนายณัฐพงษ์ ได้กล่าวต่อว่า ตัวแทนเจรจาฝ่ายนายจ้างขอนัดในวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งรวมระยะเวลา 1 เดือน โดยตัวแทนฝ่ายลูกจ้างก็ยินยอมทั้งนี้เพื่อการเจรจาที่เป็นผล และเพื่อแรงงานสัมพันธ์ที่ดี แต่ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ตามที่นัดหมาย ตัวแทนฝ่ายนายจ้างก็ขอเลื่อนการเจรจาอีก เป็นวันที่ 25 กรกฎาคม โดยอ้างว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องให้ประธานบริษัทฯ มาพูดคุยด้วยตนเองเท่านั้น ฝ่ายตัวแทนลูกจ้างเห็นว่าการเจรจาไม่มีความคืบหน้า ต้องรอ และ เลื่อนการเจรจาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อลูกจ้าง จึงได้ยื่นพิพาทแรงงาน เพื่อให้พนักงานประนอมข้อพิพาทเข้ามาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม และมีการเจรจาไกล่เกลี่ยโดยพนักงานประนอมข้อพิพาท 3 ครั้ง คือ ในวันที่ 16 17 และ 18 กรกฎาคม ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ ยังได้ให้ข้อมูลถึงผลการเจรจาไกล่เกลี่ยว่า พนักงานได้ประนอมข้อพิพาททั้ง 3 ครั้งดังกล่าว ก็ไม่มีข้อยุติเนื่องจากฝ่ายตัวแทนบริษัทฯ ก็ยังคงอ้างเช่นเดิมว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ทั้งที่ ตัวแทนฝ่ายลูกจ้างได้ยอมลดข้อเรียกร้องลงอย่างมากแล้ว โดยตัวแทนบริษัทยืนยันที่จะให้ประธานบริษัทฯ มาพูดคุยด้วยตนเอง ในวันที่ 26 กรกฎาคม โดยพนักงานประนอมข้อพิพาทในจังหวัดพยายามให้ตัวแทนฝ่ายลูกจ้างรับข้อเสนอเลื่อนการเจรจาไกล่เกลี่ยเป็นวันที่ 26 กรกฎาคม ตัวแทนฝ่ายลูกจ้างจึงได้ตัดสินใจเลื่อนการเจรจาออกไปเป็นวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 15.00 น. ณ ศูนย์ราชการกระทรวงแรงงาน จังหวัดลำพูน ตามที่ตัวแทนฝ่ายนายจ้างร้องขอ

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า จากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงาน 3 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้สหภาพฯ มีความไม่สบายใจทั้งนี้พิจารณาจากการดำเนินการไกล่เกลี่ยแล้ว เห็นว่าพนักงานประนอมข้อพิพาทในพื้นที่ ยังไม่มีความชัดเจน ไม่มีประสบการณ์ในการไกล่เกลี่ยเพียงพอ และที่สำคัญไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร โดยดูจากการไกล่เกลี่ยครั้งที่ 3 พนักงานประนอมข้อพิพาทได้นำงานอื่นมาทำในระหว่างการไกล่เกลี่ยด้วย ซึ่งปรากฏการณ์ต่างๆ ดังกล่าว ทำให้สหภาพฯ ไม่สบายใจ ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ต้องการให้มีความสงบเรียบร้อยเพื่อการลงประชามติ และเตรียมการเลือกตั้งในอนาคต

นายณัฐพงษ์กล่าวสรุปว่า ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในฐานะผู้มีอำนาจสั่งการโดยตรง สั่งการตามแต่เห็นสมควรเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทแรงงานดังกล่าว และสั่งการให้มีเจ้าพนักงานประนอมข้อพิพาทจากส่วนกลางของกระทรวงแรงงานเข้ามาทำหน้าที่เป็นพนักงานประนอมข้อพิพาท ในการเจรจาครั้งที่ 4 วันที่ 26 กรกฎาคม เพื่อการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานดังกล่าวจะได้ดำเนินไปอย่างเต็มที่ ถูกต้อง และเป็นธรรมกับลูกจ้าง

อย่างไรก็ตาม นายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับปากว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาให้และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูน ดำเนินการตามข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานฯ โดยเร่งด่วน

ทั้งนี้นับเป็นเวลาร่วมเดือนแล้ว ที่สหภาพแรงงานอัญมณีและเครื่องประดับสัมพันธ์ (สอส.) ได้จัดชุมนุมของคนงานหน้าบริษัท E F D Polishing Works CO.LTD ของทุกเย็นหลังจากคนงานเลิกงาน โดยมีข้อเรียกร้องหลัก คือ

1.ขอให้บริษัทจ่ายค่าชำนาญงานให้กับพนักงานทุกคนเหมือนเดิมดังนี้

1.1พนักงานผ่านงานรหัส 80 ค่าชำนาญงาน วันละ 5 บาท

1.2 พนักงานที่ได้รับการบรรจุ ค่าชำนาญงานวันละ 10 บาท จากนั้นเพิ่มปีละ 5 บาทต่อปีแต่ไม่เกิน 40 บาท

2.ขอให้บริษัทจ่ายเงินโบนัสประจำปีให้กับพนักงานทุกคน คนละ26วัน โดย

2.1ไม่มีการหักเงินโบนัสอันเนื่องจากมีการลงโทษพนักงานโดยการหักเงินไปแล้ว

2.2 ไม่นำการลาพักร้อนประจำปีไปรวมกับการขาดงาน14 วัน ที่บริษัทได้กำหนดว่า หากขาดงานเกิน 14วัน บริษัทจะไม่จ่ายเงินโบนัสให้

3. ขอให้บริษัทปรับค่าจ้างให้กับพนักงาน ทั้งพนักงานรายเดือนและรายวันโดยปรับเพิ่มขึ้นวันละ 7 บาท

4.ขอให้บริษัทจัดให้มีวันหยุดพักร้อนของพนักงานปีละ 10 วัน

5. ขอให้บริษัทจัดให้มีศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตให้กับพนักงาน

6. ขอให้บริษัทจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับพนักงานทุกคนโดยให้พนักงานจ่ายเงินสมทบให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดือนละ300 บาท และให้ทางบริษัทจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดือนละ300 บาทเท่ากับพนักงาน

7. ขอให้บริษัทจัดให้ มีสภาพแวดล้อมการทำงานให้มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของพนักงาน และทำให้การปฏิบัติงานมีความคล่องตัวไม่เกิดการสูญเสียของวัตถุดิบ ดังนี้

7.1จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันให้เพียงพอและเหมาะสมตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน

7.2 จัดให้มีอุณหภูมิห้องในการทำงานสายการผลิตไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส

7.3 เปลี่ยนสีของพื้นที่ทำให้สามารถสังเกตความแตกต่างกับเพชรอย่างชัดเจน

8.ขอให้บริษัทจัดให้มีการลาไปปฏิบัติภาระกิจของสหภาพโดยไม่มีการหักค่าแรงเบี้ยขยัน และ โบนัสประจำปี 30 วัน ต่อ ปี

9.ในบรรดาข้อตกลง / สวัสดิการใดและ/หรือ ประเพณี ปฏิบัติที่ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้คงสภาพการจ้างเหมือนเดิม

10. ห้ามมิให้นายจ้างรังแก / เปลี่ยนแปลงหน้าที่หรือเลิกจ้าง หรือกระทำการใดๆอันเป็นเหตุทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่สามารถทนทำงานอยู่ได้

“ บันทึกความในใจของพนักงานสีแดง

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจากใจจริงที่อยากให้เพื่อนๆ โรงใหญ่ทั้งเพื่อนพนักงานเจียรไนฟอร์มสีน้ำเงิน เพื่อนๆ โรงตัด และพนักงานทุกคนของโรงใหญ่ ได้รับรู้ว่า ถึงแม้ทุกวันนี้ เราจะใส่ชุดคนละสี แต่จริงๆ แล้ว อยากให้เพื่อนๆ รู้ว่า ทางเราไม่เคยแยกสี แยกกลุ่มเลย คิดอยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้เพื่อนๆ ของเราได้รับสวัสดิการเหมือนกัน และได้รับทุกๆ อย่างเหมือนกัน เมื่อเราเจอกับปัญหาและอุปสรรค เราก็จะสู้และพร้อมใจที่จะเดินไปพร้อมกัน ที่ผ่านมาบริษัทฯ อาจแบ่งแยกเราออกเป็นพนักงานรายเดือนกับรายวัน แบ่งสียูนิฟอร์ม เหมือนกับว่าเราอยู่คนละฝ่าย แต่จริงๆ แล้ว ในใจของพวกเรานั้น ทุกคนที่เป็นพนักงานในบริษัท อี เอฟ ดี คือเพื่อนเราทุกๆ คน เราไม่เคยคิดจะแบ่งแยกออกจากกันเลย หากเจอปัญหา พวกเราพร้อมที่จะต่อสู้ ถึงแม้ปัญหานั้นมันจะยากลำบากที่จะฝ่าฟันไป แต่ถ้าพวกเรามีพลังเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน คิดว่าปัญหาคงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ที่ผ่านมา ที่พวกเราชุมนุมกันนั้น ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจเลย พวกเราเขียนใบออกงานกันทุกคน แต่เนื่องจากเวลาของพวกเราเป็นเวลาทำงาน เขามีสิทธิที่จะไม่เซ็นต์ให้เราออกงานได้ ที่ออกงานได้บางส่วนเพราะเข้าไปขอร้องเขา เขาให้ออกมาเป็นบางส่วน เพราะบอกว่าเรามีความจำเป็นจริงๆ แต่อยากให้เรามาพร้อมหน้ากันจริงๆ หากเป็นไปได้อยากให้พวกเพื่อนรอพวกเราตอนเลิกงาน 6 โมงเย็นจะได้ไหม ถ้าเพื่อนๆ รอได้เราก็พร้อมใจกันที่จะไปร่วมชุมนุมร่วมกับเพื่อนๆ

เราจะเป็นเพื่อนกัน และ จะสู้ไปพร้อมกัน

ด้วยความจริงใจจากเพื่อนโรง 4 ”